หลายค่ายที่มีการสร้างเกมที่เกี่ยวกับการหาทางออก ย่อมต้องการผลสำเร็จ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกค่ายหรอกที่จะสามารถทำแบบนั้นได้ เพราะถ้าการออกแบบไม่น่าสนใจ ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ตัวเกมได้รับความนิยม

แต่ถ้าพูดถึง Escape City ก็น่าจะต้องให้ผู้เล่นเป็นคนวัดเอาเองว่ามันน่าสนใจหรือไม่ ที่ถามแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าภาพกราฟิกมันเป็นแบบแข็งทื่อ ดูไม่ค่อย Smooth สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าหากใครได้ลองเล่นแล้วอาจจะชอบสไตล์นี้ก็เป็นได้
– ระบบ Gameplay

รูปแบบการเล่นในเกม Escape City จะเป็นเหมือนเกมแนวนี้ทั่วไป ที่ว่าเราจะต้องหาอะไรสักอย่างจากในฉากมาใช้ เพื่อเป็นการหาทางออกไปข้างนอกให้ได้ โดยตัวเกมจะมีโหมดฟรีมาให้เราเล่นมากถึง 19 ด่าน ถ้าหากใครที่อยากลองเล่นด่านที่นอกเหนือจากนี้ อย่างโหมด Secret Room หรืออยากลองเล่นด่านโบนัสดูก็ต้องซื้อด่านเพิ่มเอง
ซึ่งอันนี้น่าจะเหมาะกับสายเปย์มาก ๆ เพราะเราจะเห็นว่ามันมีความท้าทายแล้วก็น่าค้นหามากกว่าโหมดปกติ แต่ถ้าใครเป็นสายฟรีก็เล่นโหมดฟรีไปเฉย ๆ ก็ได้เช่นกัน เอาจริง ๆ มันก็สนุกเหมือนกันนั่นแหละ แค่สังเกตให้ดีแล้วกันว่าอะไรควรใช้กับอะไร
ซึ่งทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าในการหาทางออก จำเป็นจะต้องหา Item ในฉากที่สามารถใช้กับองค์ประกอบฉากอื่น ๆ หรือไม่ก็ต้องหา Item บางอย่างที่สามารถนำมารวมกันเพื่อไปทำอะไรต่อได้ หรือถ้าใครที่หาทางไปต่อไม่ได้แล้ว ก็สามารถดูเฉลยได้แต่ต้องแลกกับการดูวีดีโอสักพักหนึ่งนะ เพราะ Escape City ไม่มีตัวช่วยมาให้แบบฟรี ๆ หรอก
และถ้าใครที่บอกว่าโหมดฟรียังไงก็ง่าย คงจะจบได้ในเวลาที่ไม่นาน ก็ต้องบอกตรงนี้เลยว่าคิดผิดนะ เพราะแต่ละด่านมันค่อนข้างซับซ้อน และยากบ้างนิดหน่อย ที่บอกแบบนี้ก็เนื่องมาจากว่าไม่มีตัวช่วย แต่ก็ไม่มากจนเกินไปถ้าอยากเล่นจริง ๆ

งั้นขอยกสักตัวอย่างแล้วกัน สมมติห้องแรกของ Escape City เราจะต้องหาทางออก แต่ก็ไม่รู้จะไปยังไงก็ให้ลองหาดูว่าในห้องนั้นมีอะไรที่พอจะใช้ได้บ้าง เช่น การเปิดคอมพิวเตอร์ แต่ก็แน่ล่ะว่ามันคงไม่ได้เปิดง่าย ๆ ขนาดนั้น เราก็เลยต้องหาอุปกรณ์บางอย่างในการเปิด ซึ่งบางทีเราอาจจะต้องใช้ Flash Drive เพื่อดูข้อมูล แต่มันอยู่ไหนล่ะก็ต้องลองไปดูตามตู้ หรือลิ้นชักเพื่อเปิดดูว่ามันจะมีของพวกนี้อยู่บ้างหรือเปล่า
#คีบตุ๊กตา #เกมตู้ #เกมอาร์เคด #ตู้คีบตุ๊กตา #โมเดล #ตู้คีบ #ReviewGame #EscapeCity